{alertSuccess}องค์การลูกเสือโลก ( WORLD ORGANIZATION OF THE SCOUT MOVEMENT )
{alertWarning}องค์การลูกเสือโลก คือ อะไร
องค์การลูกเสือโลก คือ องค์กรแห่งโลกที่ทำหน้าที่รักษาและดำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพ (UNITY) ของขบวนการลูกเสือแห่งโลก อันประกอบด้วย ประเทศสมาชิก 156 ประเทศในปัจจุบันนี้และทำหน้าที่ส่งเสริมกิจการลูกเสือทั่วโลกให้มีการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตลอดไป โดยมีธรรมนูญลูกเสือโลก (Constitution and By – Laws of the World Organization of the Scout Movement) เป็นกฎหมายสำหรับยึดถือปฏิบัติการในการดำเนินกิจการลูกเสือทั่วโลก
{alertWarning}ขบวนการลูกเสือ ( The Scout Movement ) คืออะไร
ขบวนการลูกเสือ คือ ขบวนการอาสาสมัครที่ให้การศึกษาแก่เยาวชนโดยถ้วนหน้า ไม่มีการแบ่งแยก และกีดกันในเรื่องเชื้อชาติ ผิวพรรณ วรรณะ ตลอดจนลัทธิทางศาสนาใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของการเมืองและยึดถือปฏิบัติตามอุดมการณ์ของผู้ให้กำเนิดลูกเสือโลก ซึ่งประกอบด้วย สาระสำคัญ 3 ประการ คือ
- วัตถุประสงค์ (PURPOSE)
- หลักการ (PRINCEPLES)
- วิธีการ (METHOD)
{alertWarning}การเรียกชื่อประเทศสมาชิก
ตามบทบัญญัติของธรรมนูญลูกเสือโลก ประเทศสมาชิกขององค์การลูกเสือโลกแต่ละประเทศจะมีองค์การลูกเสือแห่งชาติ ได้เพียง 1 องค์การเท่านั้น ( National Scout Organization ) องค์การลูกเสือแห่งชาติ แต่ละองค์การมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามความนิยมและตามลักษณะรูปแบบของการจัดองค์กรของคณะลูกเสือของแต่ละประเทศ
- 1. ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่จะเรียกชื่อองค์การลูกเสือแห่งชาติของตนว่า สมาคมลูกเสือ……… แล้ว ตามด้วยชื่อประเทศ เช่น
- สมาคมลูกเสือมาเลเซีย ( The Scout Association of Malaysia)
- สมาคมลูกเสือออสเตรเลีย (The Scout Association of Australia )
- สมาคมลูกเสือศรีลังกา (The Scout Association of Srilanka )
- 2. บางประเทศใช้คำว่า “ คณะลูกเสือ ” ขึ้นต้นและตามด้วย “ ชื่อประเทศ ” ตัวอย่าง เช่น
- คณะลูกเสืออเมริกา ( Boy Scouts of America )
- คณะลูกเสือแห่งประเทศญี่ปุ่น ( Boy Scouts of Nippon )
- คณะลูกเสือแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ( Boy Scouts of the Philippenes )
- คณะลูกเสือแห่งประเทศไทย ( Boy Scouts of Thailand ) ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 ประเทศไทยได้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น “ องค์การลูกเสือแห่งประเทศไทย ” ( National Scout Organization of Thailand ) หรือใช้ชื่อย่อว่า NSOT
- มีองค์การลูกเสือแห่งชาติหลายประเทศที่แยกออกเป็นสมาคมลูกเสือ (สาขา) หลายสมาคมโดยการแยกตามลัทธิหรือนิกายของศาสนาบ้าง ตามแนวปฏิบัติและความมุ่งประสงค์ของสมาคม ฯ บ้าง เช่น
สหพันธ์ลูกเสืออียิปต์ (EGYPTIAN SCOUT FEDERATION) ซึ่งแยกออกเป็น 4 สมาคม คือ
- สมาคมลูกเสือ
- สมาคมลูกเสือหญิง
- สมาคมลูกเสือสมุทร
- สมาคมลูกเสืออากาศ
สหพันธ์ลูกเสือฝรั่งเศส (French Scouting) ซึ่งแยกออกเป็น 4 สมาคม คือ
- สมาคมลูกเสือทั่วไป
- สมาคมลูกเสือสำหรับศาสนาของชาวยิว
- สมาคมลูกเสือสำหรับนิกายโปรเตสแตนด์
- สมาคมลูกเสือสำหรับนิกายคาทอลิ
{alertInfo}ระบบในการแบ่งประเภทของลูกเสือ
เพื่อความสะดวกในการฝึกอบรมและการจัดกิจกรรมของลูกเสือ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ (PURPOSE ) หลักการ ( PRINCEPLES ) และวิธีการ ( METHOD ) ขององค์การลูกเสือโลกองค์การลูกเสือแห่งชาติหรือสมาคมลูกเสือประเทศต่าง ๆ จึงได้มีระบบในการแบ่งประเภทของลูกเสือตามความเหมาะสมความจำเป็นและความสะดวกของตน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระบบการแบ่งประเภทของลูกเสือคล้าย ๆ กัน หรือเหมือนกันจะแตกต่างกันบ้างไม่มากนัก โดยหลักการทั่วไปแล้ว ในทุกประเทศจะยึดเอาระดับอายุของเด็กเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งประเภทของลูกเสือ โดยคำนึงถึงพัฒนาการของร่างกายและจิตใจของเด็กเป็นพื้นฐานในการจัดหลักสูตรและกิจกรรมในการฝึกอบรม เพื่อให้เหมาะสมแก่วัยของเด็กโดยธรรมชาติ จึงสามารถช่วยลูกเสือได้รับการพัฒนาศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ได้อย่างเต็มที่ สมาคมลูกเสือของประเทศต่าง ๆ โดยมากมักจะเอกแบบอย่างการแบ่งประเภทของลูกเสือตามแบบอย่างของคณะลูกเสืออังกฤษ (ตามแบบเก่า) เป็นแบบฉบับ แต่ก็มีหลายประเทศที่เอาแบบอย่างการแบ่งประเภทของคณะลูกเสืออเมริกา
- ระบบลูกเสืออังกฤษ ( แบบเก่า ) แบ่งลูกเสือออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.1 ลูกเสือสำรอง ( Cob Scout ) มีอายุตั้งแต่ 8 – 11 ปี การฝึกอบรมและกิจกรรมของลูกเสือสำรอง จึงต้องจัดให้เหมาะสมกับวัยของเด็กโดยคำนึงถึงพัฒนาการของร่างกายและจิตใจเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าเด็กนั้นกำลังเรียนอยู่ในชั้นระดับใดก็ตาม จะเป็นนักเรียนอยู่ในโรงเรียน หรือไม่เป็นนักเรียนก็ตาม
ลูกเสือสำรอง มีคติพจน์ว่า “ ทำดีที่สุด ” ( Do Our Best )
1.2 ลูกเสือสามัญ( Boy Scouts ) มีอายุตั้งแต่ 11 – 1 5 ปี เด็กในวัยนี้เริ่มได้รับการฝึกอบรมให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น เริ่มใช้ชีวิตกลางแจ้ง และการผจญภัย เน้นระบบหมู่และการเป็นผู้นำ การบำเพ็ญประโยชน์โดยทั่วไป
ลูกเสือสามัญมีคติพจน์ว่า “ เตรียมพร้อม ” ( BE PREPARED )
1.3 ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ( Senior Scout ) มีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 18 ปี ลูกเสือในวัยนี้เริ่มมีความรับผิดชอบสูง การฝึกอบรมและกิจกรรมเน้นเรื่องระบบหมู่และการเป็นผู้นำระบอบประชาธิปไตย ฝึกการใช้ชีวิตกลางแจ้ง การผจญภัยและทักษะวิชาลูกเสือมาก ฝึกอบรมความรู้พื้นฐานทางวิชาชีพตามที่ถนัดรวมทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นมากขึ้น
ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ มีคติพจน์ว่า “ มองไกล ” ( LOOK WIDE )
1.4 ลูกเสือวิสามัญ ( Rover Scout ) มีอายุตั้งแต่ 17 – 23 ปี ลูกเสือวิสามัญเป็นวัยของคนหนุ่ม การฝึกอบรมลูกเสือวิสามัญ เพื่อมุ่งที่จะเตรียมให้คนหนุ่มเหล่านี้พร้อมที่จะใช้ชีวิตผู้ใหญ่อย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ ให้เป็นพลเมืองดี ที่มีความรับผิดชอบต่อไป
การฝึกอบรม เน้นการเป็นผู้นำระบอบประชาธิปไตย การวางแผนโครงการ และการปฏิบัติงานตามโครงการ ฝึกให้นิยมชีวิตกลางแจ้ง การให้บริการต่อผู้อื่นและสังคมเป็นชีวิตจิตใจ ยึดมั่นในคติพจน์ว่า “ บริการ ” (SERVIE)
องค์การลูกเสือแห่งชาติหรือสมาคมลูกเสือในประเทศต่าง ๆที่มีระบบการแบ่งประเภทของลูกเสือตามแบบฉบับของอังกฤษ (แบบเก่า) เช่น คณะลูกเสือแห่งชาติ ( ไทย ) สมาคมลูกเสือมาเลเซีย คณะลูกเสือแห่งประเทศญี่ปุ่น สมาคมลูกเสือเกาหลี สมาคมลูกเสือออสเตรเลีย สมาคมลูกเสือนิวซีแลนด์ เป็นต้น
- ระบบลูกเสือเมริกา
คณะลูกเสืออเมริกา (Boy Scouts of America หรือเรียกย่อ ๆ ว่า BSA) มีจุดประสงค์ที่สำคัญ คือมุ่งให้การศึกษาแก่เยาวชน ปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี พัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคม เพื่อให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี และมีความรับผิดชอบดีต่อไป (Carbaz S.A. Montreuk. 1990)
คณะลูกเสืออเมริกาแบ่งลูกเสือออกเป็น 3 ประเภท คือ
2.1 ลูกเสือสำรอง ( Cob Scout ) มีอายุตั้งแต่ 8 – 11 ปี การฝึกอบรมและกิจกรรมของลูกเสือสำรอง โดยทั่วไปคล้าย ๆ กับระบบลูกเสืออังกฤษ ( ปัจจุบัน ) แต่วิธีการฝึกอบรมลูกเสือสำรองของคณะลูกเสืออเมริกานั้นเปิดโอกาสให้พ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็ก ( ลูกเสือสำรอง ) ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์กับลูกเสือสำรองมาก มีส่วนช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับกองลูกเสือสำรองเป็นพิเศษ มีส่วนในการฝึกอบรม อาจได้รับแต่งตั้งเป็น Den Mother คือ เป็นผู้ช่วยในการฝึกอบรมลูกเสือสำรองได้มาก แบ่งระดับการฝึกอบรมของลูกเสือสำรอง ตามระดับอายุ 4 ขั้น คือ Bob Cat , Wolf Bear และ WEBELOS ตามลำดับ
2.2 ลูกเสือสามัญ( Boy Scouts ) มีอายุตั้งแต่ 11 – 17 ปี มีแนวการฝึกอบรมหลักสูตร และวิชาการพิเศษ โดยทั่วไป คล้าย ๆ กับระบบลูกเสืออังกฤษ แต่เน้นมากเรื่องการใช้ชีวิตกลางแจ้ง การฝึกความเป็นผู้นำและผู้ให้ความร่วมมือที่ดีในระบอบประชาธิปไตยมากเป็นพิเศษ
2.3 ลูกเสือเอ็กซพลอเรอร์ ( Explorer ) มีอายุตั้งแต่ 15 ปี จนถึง 20 ปี เป็นลูกเสือวัยหนุ่ม – สาว ( ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ) การฝึกอบรมทั่วๆ ไป อยู่ในระดับเดียวกันกับลูกเสือวิสามัญของอังกฤษแบบเก่า แต่ BSA จะเน้นหนักเป็นพิเศษในความเป็นผู้นำ การฝึกอาชีพในทางปฏิบัติที่มีมาตรฐานสูง ให้รู้บทบาทและหน้าที่ของพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย มีวิธีดำเนินการการฝึกอบรมเป็นพิเศษ คือ แบ่งกลุ่มฝึกอบรมวิชาชีพตามความสนใจของลูกเสือเอ็กซพลอเรอร์ เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มถาวรในการฝึกอบรม แต่ละกลุ่มเรียกว่า Explorer Post ซึ่งไม่ได้เรียกเป็นหมู่ เหมือนลูกเสือประเภทอื่นทั่วไป เช่น ผู้สนใจในอาชีพ “ ปฏิบัติการออกอากาศวิทยุ – ที.วี. ” ก็ต้องเรียนอยู่ในกลุ่ม “ Broadcasting Post ” และไปรับการฝึก – ปฏิบัติงาน ที่ห้องออกอากาศของสถานีวิทยุ – โทรทัศน์ เป็นต้น ( Boy Scouts of America . 1972 )
สมาคมลูกเสือประเทศอื่น ๆ ที่แบ่งประเภทของลูกเสือตามแบบของคณะลูกเสืออเมริกา( BSA ) หรือคล้าย ๆ กัน เช่น สมาคมลูกเสือโปรตุเกส สมาคมลูกเสือเปรู สมาคมลูกเสือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
คณะลูกเสือแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ( Boy Scouts of the Philippenes ) แบ่งลูกเสือออกเป็น
2 ประเภท คือ
- ลูกเสือสำรอง ( Kab Scouts ) อายุ 8 –11 ปี
- ลูกเสือชุมชน และลูกเสือบริการ ( Community & Service Scouts ) อายุ 11 – 17 ปี
สำหรับสมาคมลูกเสืออังกฤษ ในปัจจุบันนี้ ( The Scout Association ) ได้เปลี่ยนแปลงระบบใหม่ โดยแบ่ง ลูกเสือออกเป็น 3 ประเภท ( ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2518 ) คือ
- ลูกเสือสำรอง ( Cub Scout ) อายุ 8 –11 ปี
- ลูกเสือสามัญ ( Scout ) อายุ 11 – 15 ปี
- ลูกเสือเวนเจอร์ ( Venture Scout ) อายุ 15 – 20 ปี
แต่วิธีในการฝึกอบรมแตกต่างกับลูกเสืออเมริกาบ้างพอสมควร(Carbaz S.A.Montreuk.1990 )
------------------------------------------
{alertInfo}องค์การลูกเสือโลก ประกอบด้วย 3 องค์กรหลัก คือ
- สมัชชาลูกเสือโลก ( World Scout Conference ) คือ ที่ประชุมใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิก ฯ ทุกประเทศ มาร่วมประชุมกันทุก ๆ 3 ปีต่อครั้ง ยกเว้นแต่ว่าปีใดที่สถานการณ์ของโลกมีความวุ่นวาย และมีเรื่องรายแรงเกิดขึ้นหรือสถานการณ์ไม่อำนวย ไม่สามารถจะจัดให้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกได้ ก็จะเว้นการประชุมฯ ในเฉพาะปีนั้น ๆ เช่น ในปี พ.ศ. 2484 ไม่ได้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกตามกำหนด เนื่องจาก ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ ผู้ให้กำเนิดลูกเสือโลกถึงแก่กรรม คณะลูกเสือทั่วโลกมีการไว้ทุกข์ ไว้อาลัย ให้แก่การล่วงลับไปของผู้ให้กำเนิด ฯ และในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2484 – 2489 เป็นช่วงที่สถานการณ์ของโลกอยู่ในภาวะคับขันและมีสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ประกอบด้วยมีความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอย่างมาก สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ฯ จึงไม่ได้จัดการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
- คณะกรรมการลูกเสือโลก ( World Scout Committee .) คือ คณะกรรมการที่บริหารองค์การลูกเสือโลก มีจำนวนทั้งหมด 12 คน ซึ่งได้รับเลือกตั้งในที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ตามวิธีการ เงื่อนไข และบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลก
- สำนักงานลูกเสือโลก ( World Scout Bureau ) คือ สำนักงานเลขาธิการลูกเสือโลก มีเลขาธิการสำนักงานลูกเสือโลก ( Secretary General of the World Scout Bureau ) เป็นผู้บังคับบัญชาของสำนักงาน ฯ สำนักงาน ลูกเสือโลกทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงาน ดำเนินงาน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์การลูกเสือสมาชิกทั่วโลก เพื่อรักษาและดำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพ ( UNITY ) ของขบวนการลูกเสือแห่งโลก ให้อยู่ได้อย่างสถาพรและมั่นคงตลอดไป ซึ่งจะได้กล่าวถึงรายละเอียดของแต่ละองค์กรในบทต่อไป
{alertInfo}พัฒนาการขององค์การลูกเสือโลก
จากภาพในหน้าต่อไปนี้ ซึ่งลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ ผู้ให้กำเนิดลูกเสือได้สะเก็ตขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นว่า จากเม็ดโอ๊กเพียงเม็ดเดียวก็เจริญงอกงามเติบโตเป็นต้นโอ๊กใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วสารทิศ แผ่อาณาบิรเวณอันกว้างใหญ่แห่งร่มพฤกษาไปรอบปริมณฑล เปรียบเสมือนกิจการลูกเสือต้นกำเนิด ซึ่ง ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ ได้ให้ไว้ที่เกาะบราวน์ซี ในปี พ.ศ. 2450 อันเป็นจุดกำเนิดของการลูกเสือแห่งโลกการลูกเสือได้งอกงามเจริญเติบโตขยายเข้าไปสู่ทุกมุมเมืองของโลก ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจนกระทั่งปัจจุบันนี้ องค์การลูกเสือโลกมีสมาชิกถึง 156 ประเทศ
------------------------------------------
{alertInfo}ความเป็นมาขององค์การลูกเสือโลก
ภายหลังการประสบความสำเร็จของ บี.พี. ในการทดลองการอยู่ค่ายพักแรมของเด็ก ๆ ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2450 ที่เกาะบราวน์ซี อันนับว่าเป็นค่ายลูกเสือแห่งแรกของโลก และจากการเริ่มต้นด้วยการพิมพ์หนังสือเรื่อง “ การลูกเสือสำหรับเด็กชาย ” (Scouting for Boys)
พิมพ์ออกจำหน่ายเป็นรายปักษ์ในราคาถูก (เล่มละ 4 เพ็นนี) และได้เผยแพร่จนมีผู้นิยมชมชอบ สนุกสนาน ตื่นเต้นกันอย่างคลั่งไคล้ทั่วโลก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็ก ๆ ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ต่างก็ตื่นเต้น กระตือรือร้นอยากจะเป็นลูกเสือ เด็ก ๆ เหล่านั้นจึงเรียกหาและอ้อนวอนผู้ใหญ่ที่ตนรู้จักและสนิทสนมกันให้มาเป็นผู้กำกับ ส่วนผู้ใหญ่ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็กระตือรือร้นอยากเป็นผู้กำกับลูกเสือ เพื่อนำเด็ก ๆ เหล่านี้ให้ทำกิจกรรม และได้รับการฝึกหัดตามแผนการฝึกอบรมของ บี.พี. อานิสงส์จากหนังสือเล่มนี้ ทำให้กิจการลูกเสือแพร่หลายไปทั่วโลกในระยะเวลาไม่นานในปี พ.ศ. 2451 ได้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นในประเทศอังกฤษ และในปีเดียวกันนี้ก็ได้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นในประเทศเครือจักรภพอังกฤษด้วย คือ ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์
ในปี พ.ศ. 2452 ตั้งกองลูกเสือขึ้นในประเทศอินเดียและในประเทศชิลี ประเทศชิลีเป็นประเทศแรกที่ไม่อยู่ในเครือจักรภพอังกฤษที่ได้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้น
ในปี พ.ศ. นายวิลเลี่ยม บอยซ์ ( Mr. William Boyce ) เจ้าของโรงพิมพ์ที่เมืองชิคาโก ได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นในสหรัฐอเมริกา
ต่อจากนั้นเพียงระยะเวลาไม่กี่ปี กิจการลูกเสือก็ขยายไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2463 สมาคมลูกเสืออังกฤษจึงได้จัดให้มีการชุมนุมลูกเสือจากทั่วโลกเป็นครั้งแรก ที่เมืองโอลิมเปีย กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ การชุมนุมลูกเสือครั้งนี้จึงถือเป็นการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งที่ 1 ( The First World Jamboree ) มีลูกเสือเข้าร่วมการชุมนุม 8,000 คน จาก 34 ประเทศ ประเทศไทยได้ส่งผู้แทนไปร่วมการชุมนุมด้วย 4 คน โดยคัดเลือกเอานักเรียนของกระทรวงธรรมการ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ ในขณะนั้นคือ 1. นายสนั่น สุมิตร 2. นายศิริ หัพนานนท์ 3. นายส่ง เทพาสิต 4. นายศิริ แก้วโกเมน ในการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งนี้ (The First World Jamboree) ได้มีข้อตกลงและมติเกิดขึ้นเป็นเอกฉันท์จาก ลูกเสือที่เข้าร่วมชุมนุมกันจากทั่วโลก 3 ข้อ คือ
(1) ให้ ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ เป็นประมุขคณะลูกเสือแห่งโลกตลอดกาล (Chief Scout of The World)
(2) ให้มีการประชุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือซึ่งเป็นผู้แทนของทุกประเทศขึ้นในระหว่างการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งนี้ และการประชุม ฯ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 1 (ในตอนนั้นใช้ชื่อว่า 1 st Boy Scout International Conference) และในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกครั้งนี้ ที่ประชุม ฯ มีมติว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือ ทุก ๆ 2 ปี ต่อครั้ง
(3) ให้จัดตั้งสำนักงานลูกเสือโลก (ในตอนนั้นใช้ชื่อว่า Boy Scout International Bureau) นายฮิวเบิร์ต เอส มาร์ติน (Mr. Hubert S. Martin) ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานลูกเสือโลก เป็นคนแรก ในระยะเวลาหลายปีต่อมา ตำแหน่งผู้อำนวยการนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็นตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานลูกเสือโลก (Secretary General of the Boy Scouts International Bureau) (Rez Hazlewood. 1967.)
ในปี พ. ศ. 2465 จึงได้มีการจัดประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 (The 2 nd Boy Scout International Conference) ขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกครั้งนี้ มีผู้แทนเข้าร่วม 31 ประเทศ และที่ประชุมได้เลือกตั้งคณะกรรมการลูกเสือโลก (ในสมัยนั้นเรียกว่า Boy Scout International Committee) ขึ้นมา 9 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการบริหารองค์การลูกเสือโลก
------------------------------------------
{alertInfo}องค์การลูกเสือเขต
เนื่องจากในปัจจุบันนี้ องค์การลูกเสือมีสมาชิกถึง 156 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ไปทั่วโลก ฉะนั้นเพื่อให้การบริหารงาน การปฏิบัติการและการประสานงานในกิจการลูกเสือทั้งปวงขององค์การ
ลูกเสือโลกสะดวก รวดเร็วและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น องค์การลูกเสือโลกจึงได้แยกเป็นสาขา 6 เขต คือ
- องค์การลูกเสือเขตอาฟริกา (AFRICA REGIONAL ORGANIZATION) ประกอบด้วย
องค์การสมาชิก (Member Organizations) จาก 34 ประเทศ คือ
- เบนิน 2. บอตสวานา 3. บูร์กินาฟาโซ 4. บุรุนดี 5. แคเมอรูน 6. สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 7. ชาด 8. คอโมโรส 9. โกตดิวัวร์ 10. เอธิโอเปีย 11. กาบอง 12. แกมเบีย 13. กานา 14. กินี 15. เคนยา 16. เลโซโท 17. ไลบีเรีย 18. มาดากัสการ์ 19. มอริเชียส 20. นามิเบียไนจีเรีย 22. รวันดา 23. เซเนกัล 24. เซียร์ราลีโอน 25. แอฟริกาใต้ 26. สวาซีแลนด์แทนซาเนีย 28. โตโก 29. ยูกันดา 30. ซาอีร์ 31. แซมเบีย 32. ซิมบับเว 33. แองโกล่า 34.ไนเจอร์
สำนักงานลูกเสือโลก เขตแอฟริกา ตั้งอยู่ที่เมือง ไนโรบี ประเทศเคนยา
- องค์การลูกเสือเขตอาหรับ ( ARAB REGIONAL ORGANIZATION ) ประกอบด้วย
องค์การสมาชิก ( Member Organizations ) จาก 19 ประเทศ คือ
- แอลจีเรีย 2. บาห์เรน 3. อียิปต์ 4. อิรัก 5. จอร์แดน 6. คูเวต 7. เลบานอน 8. ลิเบีย 9. มอริเตเนีย 10. โมร็อกโก 11. โอมาน 12. การ์ตา 13. ซาอุดิอารเบีย 14. ซูดาน 15. ซีเรีย 16. ตูนิเซีย 17. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 18. เยเมน 19. ปาเลสไตน์
สำนักงานลูกเสือโลก เขตอาหรับ ตั้งอยู่ที่ กรุงไคโร ประเทศ. อียิปต์
- องค์การลูกเสือเขตเอเชีย – แปซิฟิก ( ASIA – PACIFIC REGIONAL ORGANIZATION )
ประกอบด้วยองค์การสมาชิก ( Member Organizations ) จาก 23 ประเทศ คือ
- ออสเตรเลีย 2. บังคลาเทศ 3. บรูไน 4. จีน 5. ฟิจิ 6. ฮ่องกง 7. อินเดีย 8. อินโดนีเซีย 9. อิหร่าน 10. ญี่ปุ่น 11. เกาหลี 12. มาเลเซีย 13. มัลดีฟส์ 14. เนปาล 15. นิวซีแลนด์
องค์การลูกเสือเขตยุโรป ( EUROPEAN REGIONAL ORGANIZATION ) ประกอบด้วยองค์การสมาชิก ( Member Organizations ) จาก 38 ประเทศ คือ
- อาร์เมเนีย ออสเตรเลีย 3. เบลเยี่ยม 4. ไซปรัส 5. เชโกสโลวะเกีย 6. เดนมาร์ก
- ฟินแลนด์ 8. ฝรั่งเศส 9. เยอรมนี 10. กรีซ 11. ฮังการี 12. ไอซ์ แลนด์ 13. ไอร์แลนด์
- อิสราเอล 15. อิตาลี 16. ลิกเตนสไตน์ 17. ลักเซมเบิร์ก 18. มอลตา 19. โมนาโก
- เนเธอร์แลนด์ 21. นอร์เวย์ 22. โปรตุเกส 23. ซานมาริโน 24. สเปน 25. สวีเดน
- สวิตเซอร์แลนด์ 27. ตุรกี 28. สหราชอาณาจักร (อังกฤษ ) 29. โครเอเชีย 30. แลตเวีย
- โรมาเนีย 32. โปแลนด์ 33. แอตทัวเนีย 34. ลิทัวเนีย 35. มาเซโคเนีย 36. สโลวักเกีย
- สโลวาเนีย 38. บัลกาเรีย
สำนักงานลูกเสือโลกเขตยุโรป ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
องค์การลูกเสือเขตอเมริกา (INTIE – AMERICAN REGIONAL ORGANIZATION) ประกอบด้วยองค์การสมาชิก (Member Organizations) จาก 32 ประเทศ คือ
1.อาร์เจนตินา 2. บาฮามาส 3. บาร์เบโดส 4. เบลิซ 5. โบลิเวีย 6. บราซิล 7. แคนาดา 8. ชิลี 9. โคลัมเบีย 10. คอสตาริกา 11. โดมินิกา 12. สาธารณรัฐโดมินิกัน 13. เอกวาดอร์ 14. เอลซัลวาดอร์ เกรเนดา 16. กัวเตมาลา 17. กายอานา 18. เฮติ 19. ฮอนดูรัส 20. จาเมกา 21. เม็กซิโก 22. นิการากัว 23. ปานามา 24. ปารากวัย 25. เปรู 26. เซนต์ลูเซีย 27. เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ 28. ซูรินาเม 29. ทรินิแดดและโตเบโก 30. สหรัฐอเมริกา 31. อุรุกวัย 32. เวเนซุเอลา
สำนักงานลูกเสือโลกเขตอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมือง ซานโฮเซ ประเทศคอสตาริกา (World Scout Bureau. 1993)
6 องค์การลูกเสือเขตยูเรเซีย ( EURASIA REGIONAL ORGANIZATION ) ประกอบด้วย
องค์การสมาชิก ( Member Organizations ) จาก 5 ประเทศ คือ
- อาเมเนีย เมลารุส 3. จอร์เจีย 4. สาธารณรัฐมอนโควา 5. ทาจิกิสสถาน
{alertInfo}หน้าที่ขององค์การลูกเสือเขต
- ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของขบวนการลูกเสือภายในเขต โดยเฉพาะในเรื่องภราดรภาพ (Brotherhood) เอกภาพของวัตถุประสงค์ หลักการ วิธีการ ความร่วมมือ และความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ระหว่างองค์การสมาชิกฯภายในเขต
- ปฏิบัติหน้าที่ตามธรรมนูญลูกเสือโลก และธรรมนูญลูกเสือเขต กำหนดไว้ให้ลุล่วงไปด้วยดี
- ดูแลองค์การสมาชิกในเขต ให้ดำเนินการตามนโยบายขององค์การลูกเสือโลกอย่างถูกต้อง
- ทำหน้าที่เป็นองค์กรที่ปรึกษาแก่คณะกรรมการลูกเสือโลก ในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบาย หลักการ ในการดำเนินงานลูกเสือเขต (World Organization of the Scout Movement, Asia – Pacific Region. 1991.)
{alertWarning}องค์ประกอบขององค์การลูกเสือเขต
องค์การลูกเสือเขตประกอบด้วย 3 องค์กร คือ
- สมัชชาลูกเสือเขต คือ การประชุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือเขต ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากองค์การสมาชิกฯในเขต ประเทศละไม่เกิน 6 คน และผู้สังเกตการณ์การประชุม ฯ จำนวนพอเหมาะเข้าร่วมการประชุม ฯ ซึ่งจัดขึ้นทุก 3 ปี ต่อครั้ง
- คณะกรรมการลูกเสือเขต ได้รับเลือกตั้งในระหว่างการประชุมสมัชชาลูกเสือเขต ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือเขตคณะกรรมการลูกเสือเขต มีจำนวน 10 คน ให้คณะกรรมการ ฯ เลือกประธานคณะกรรมการ ฯ 1 นาย และรองประธานคณะกรรมการอีก 1 นาย คณะกรรมการลูกเสือเขต มีหน้าที่ช่วยส่งเสริมและช่วยเหลือกิจการของลูกเสือเขตให้ก้าวหน้าและพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป และปฏิบัติหน้าที่ตามมติของสมัชชาลูกเสือ โลก / คณะกรรมการลูกเสือโลก และสมัชชาลูกเสือเขต ทำหน้าที่อื่น ๆตามที่ได้กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลกและธรรมนูญลูกเสือเขต
- สำนักงานลูกเสือโลกประจำเขต ( The Regional office of the World Scout Bureau ) เป็นสำนักงานสาขาของสำนักงานลูกเสือโลก (สำนักงานใหญ่) ทำหน้าที่เสมือนสำนักงานเลขาธิการขององค์การลูกเสือเขต และทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการขององค์การลูกเสือโลกในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภายในเขต
{alertInfo}สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายลูกเสือโลก
ภาพเครื่องหมายลูกเสือโลกเป็นภาพที่รวมเอกลักษณ์ต่างๆ ขององค์การลูกเสือโลก ซึ่ง สามารถจำแนกได้ต่อไปนี้
- เฟลอ – เดอ – ลีส์ ( ดอลลิลลี่ขาว ) มีลักษณะเป็นรูป 3 กลีบ ถือเป็นเอกลักษณ์ของขบวนการลูกเสือ ซึ่งสมาคมลูกเสือทุกประเทศต้องมีรูปเฟลอเดอลีส์ เป็นแกนกลางอยู่ในเครื่องหมายองค์การลูกเสือแห่งชาตินั้นๆ เฟลอเดอลีส์เป็นสัญลักษณ์แห่งการนำทางให้ลูกเสือไปในทิศทางที่ดีและถูกต้อง
- ลักษณะ 3 กลีบของ เฟลอเดอลีส์ แสดงความหมายถึง คำปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อ ในการที่ลูกเสือทำพิธีปฏิญาณตน หรือทบทวนคำปฏิญาณทุกครั้ง ลูกเสือต้องแสดงรหัสลูกเสือ (โดยชูมือขวาขึ้นและแสดงรหัสด้วยนิ้ว 3 นิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง)
- รูปดาว (สีม่วง) 5 แฉก 2 ดวง ซึ่งอยู่ในกลีบซ้ายและขวาของเฟลอเดอลีส์นั้น เมื่อรวมกันจะนับได้ 10 แฉก แสดงความหมายของกฎของลูกเสือ ซึ่งมี 10 ข้อ
- เส้นเชือกที่ทำเป็นวงกลมรอบเฟลอเดอลีส์ แสดงความหมายของจักรวาล (โลก)
- เกลียวเชือกแต่ละเกลียว แสดงความหมายของสมาชิกลูกเสือแต่ละคนขององค์การลูกเสือโลก
- หัวเชือกกับปลายเชือก มาผูกกันด้วยเงื่อนพิรอดนั้น แสดงความหมายของการจับมือแบบลูกเสือ ซึ่งหมายถึง ความเป็นมิตรตรงกับกฏลูกเสือข้อที่ 4 ที่ว่า
“ ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคน และเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก ”
หมายเหตุ เฟลอเดอลีส์ และเชือกเป็นสีขาวอยู่บนพื้นสีม่วง ในหนังสือการลูกเสือของอังกฤษบางเล่มใช้คำว่า” แอโรว์เฮด ” (arrowhead) แทนคำว่า เฟลอเดอลีส์ ( fleur – de – lis )
{alertInfo}ที่มาครูสมชายคัดมาจาก: {getButton} $text={แหล่งที่มาข้อมูล} $icon={preview} $color={blue}{fullWidth}