{alertSuccess}สมัชชาลูกเสือโลก (World Scout Conference)
{alertInfo}สมัชชาลูกเสือโลก
สมัชชาลูกเสือโลก คือ ที่ประชุมใหญ่ของผู้แทนจากองค์การลูกเสือแห่งชาติต่าง ๆ ทั่วโลก
ที่เป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือโลก (ประเทศหนึ่งมีองค์การลูกเสือแห่งชาติได้เพียงหนึ่งองค์การ) ซึ่งในปัจจุบันนี้มีองค์การสมาชิก (Member Organizations) รวมทั้งสิ้น 156 องค์การ โดยปกติแล้วจะมีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกทุก ๆ 3 ปี ต่อหนึ่งครั้ง สมัชชาลูกเสือโลกเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุด และเป็นองค์กรที่กำหนดนโยบาย (Policy – making Body) จัดระเบียบการบริหารกิจการลูกเสือโลก เพื่อให้เกิดเอกภาพ (UNITY) ที่มั่นคง ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญลูกเสือโลก (Constitution and By – Law of the World Organization of the Scout Movement)
สมัชชาลูกเสือโลกนี้ ประกอบขึ้นด้วยผู้แทนขององค์การลูกเสือสมาชิก (Member Organizations) หรือกาจกล่าวได้ว่า ผู้แมนจากประเทศสมาชิกฯ ประเทศละไม่เกิน 6 คน มาร่วมประชุมตามกำหนดวัน และสถานที่ในประเทศสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง ตามที่สมัชชาลูกเสือโลกได้อนุมัติในระหว่างการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกล่วงหน้าไว้ก่อน 2 สมัย
ตัวอย่างเช่น ในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกครั้งที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นที่นครเมลเบอร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2531 ที่ประชุม ฯ ได้มีมติอนุมัติให้คณะลูกเสือแห่งชาติ (ประเทศไทย) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม 2536 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย (ได้เว้นช่วงการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 32 ซึ่งได้จัดขึ้นที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส มาหนึ่งสมัย) เป็นต้น
อำนาจและหน้าที่ของสมัชชาลูกเสือโลก
- พิจารณานโยบายและมาตรฐานของการลูกเสือทั่วโลก และกำหนดแนวทางให้องค์การลูกเสือสมาชิกทุกประเทศปฏิบัติตาม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การลูกเสือโลก
- กำหนดนโยบายทั่วไปขององค์การลูกเสือโลก
- พิจารณาการรับเข้าเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือโลก โดยยึดหลักเกณฑ์ว่าองค์การลูกเสือแห่งชาติ ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกนั้น จะต้องปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ (Purpose) หลักการ (Principles)
- พิจารณาให้องค์การสมาชิกขององค์การลูกเสือโลก ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลก
- เลือกตั้งกรรมการลูกเสือโลก ให้ครบจำนวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลก
- พิจารณารายงาน และข้อเสนอแนะของกรรมการลูกเสือโลก
- พิจารณาข้อเสนอแนะจากองค์การลูกเสือสมาชิก ฯ
- พิจารณาแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติมธรรมนูญลูกเสือโลก
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ทุกเรื่อง ตามที่ได้กำหนดไว้ในธรรมนูญลูกเสือโลก
หมายเหตุ : การประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ตั้งแต่ครั้งที่ 1 (พ.ศ.2436) ถึงครั้งที่ 31 (พ.ศ. 2531)
จัดประชุม ฯ ทุก ๆ 2 ปีต่อครั้ง หลังจากครั้งที่ 31 ซึ่งจัดประชุมที่นครเมลเบอร์น ประเทศ
ออสเตรเลียแล้ว ธรรมนูญลูกเสือโลกได้รับการแก้ไขใหม่ ให้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ทุก 3 ปีต่อครั้ง
-----------------------------------
{alertInfo}ระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก
(ซึ่งได้นำมาใช้ในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม 2536 ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนปาร์ค กรุงเทพ ฯ )
ธรรมนูญลูกเสือโลก มาตราที่ 11 ได้กำหนดไว้ว่า “ ที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลกอาจกำหนดระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกขึ้นแต่ละครั้งได้ แต่จะต้องนำระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับดังกล่าวเสนอในที่ประชุมใหญ่วาระแรกของการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกนั้น ๆ โดยให้คณะกรรมการลูกเสือโลกเป็นผู้นำ เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ฯ ”
- 1. การแต่งตั้งประธาน ฯ และรองประธาน ฯ
คณะกรรมการลูกเสือโลก เป็นผู้แต่งตั้งประธานและรองประธานของการประชุม ฯ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการประชุมในแต่ละวันของการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก
- คณะกรรมการบริหารการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ( ตามธรรมนูญลูกเสือโลก ) ประกอบด้วย
- ประธานที่ประชุม ฯ
- รองประธานที่ประชุม ( 2 คน )
- เลขาธิการองค์การลูกเสือโลก
- คณะกรรมการลูกเสือโลก อาจแต่งตั้งกรรมการบริหารการประชุมเพิ่มเติมก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ความเหมาะสมและความจำเป็น
- คำสั่งของประธาน ฯ เป็นคำชี้ขาดในที่ประชุม
- ผู้มีสิทธิ์เข้าประชุมสมัชชาลูกเสือโลก
สมาคมลูกเสือของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือโลกเท่านั้น มีสิทธิ์ส่งคณะผู้บังคับบัญชาลูกเสือของประเทศ เข้าร่วมการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ซึ่งประกอบด้วย
3.1 คณะผู้แทนของประเทศ (Delegates) ไม่เกิน 6 คน
3.2 คณะผู้สังเกตการณ์การประชุม ฯ (Observers) มีจำนวนตามสมควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการลูกเสือโลก (ในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 33 คณะลูกเสือแห่งประเทศไทย ส่งผู้สังเกตการณ์ ฯ เข้าร่วมประชุม ฯ จำนวน 51 คน)
3.3 ผู้แทนคณะลูกเสือของสมาคมลูกเสือที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การลูกเสือโลกอาจได้รับคำเชิญจากคณะกรรมการลูกเสือโลกให้เข้าร่วมการประชุมได้
3.4 ผู้แทนขององค์การหรือหน่วยงานนั้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์การลูกเสือสมาชิก ฯ ก็อาจได้รับเชิญจากคณะกรรมการลูกเสือโลกให้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวได้
3.5 ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทน ฯ ตามข้อ 1 เท่านั้น ที่มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก
3.6 ผู้เข้าร่วมประชุม ฯ ตามข้อ 2 มีสิทธิ์เสนอข้อคิดเห็น และร่วมอภิปรายปัญหาในที่ประชุมใหญ่ได้ ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากประธานที่ประชุมตามระเบียบเสียก่อน แต่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนในการประชุม ฯ ใด ๆ ทั้งสิ้น
3.7 องค์การลูกเสือสมาชิกประเทศใด ที่มีความประสงค์จะเสนอข้อญัตติเข้ารับการพิจารณาในที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลก เพื่อให้มีการลงมติ จะต้องเสนอข้อญัตติดังกล่าวไปยังสำนักงานลูกเสือโลกล่วงหน้าเป็นเวลา 4 เดือน นังตั้งแต่วันที่เสนอข้อญัตติจนถึงวันแรกของการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก มิฉะนั้นข้อญัตติที่เสนอไปจะถูกตัดออกจากระเบียบวาระการประชุม ฯ
-----------------------------------
{alertInfo}หน้าที่ของคณะกรรมการสรุปมติการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก (ครั้งที่ 33)
คณะกรรมการสรุปมติ ฯ ชุดนี้จะเป็นผู้นำข้อญัตติที่ได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วเสนอให้ที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลกพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ ถ้าหากที่ประชุม ฯ เห็นชอบ ก็ให้ถือเป็นมติของสมัชชาลูกเสือโลกซึ่งในประเทศสมาชิกทุกประเทศจะต้องนำไปปฏิบัติต่อไปแต่ถ้าที่ประชุม ฯ ไม่เห็นชอบด้วย ข้อญัตติที่เสนอนั้นก็ตกไปการที่จะประกาศว่าที่ประชุม ฯ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในข้อญัตติที่เสนอขึ้นไปนั้น พิจารณาได้จากคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ให้การสนับสนุน หรือคัดค้านข้อญัตตินั้น ๆ
ระเบียบข้อญัตติในที่ประชุม ฯ
- การเสนอข้อญัตติเข้ารับการพิจารณา เพื่อให้ที่ประชุม ฯ ลงมติในข้อญัตติใดๆ ก็ตาม ถ้าหากผู้เสนอข้อญัตติเป็นผู้แทนของประเทศสมาชิก ข้อญัตติที่เสนอไปนั้น ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้แทนประเทศสมาชิกอื่น ๆ ด้วย มิฉะนั้นข้อญัตตินั้นจะตกไป และไม่ได้รับการพิจารณาในที่ประชุม ฯ
- ถ้าผู้เสนอข้อญัตตินั้น เป็นกรรมการลูกเสือโลก ก็เสนอได้เลย โดยไม่ต้องขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง
- ประเทศสมาชิก ฯ ที่ประสงค์จะเสนอข้อญัตติ อันเกี่ยวกับการแก้ไขธรรมนูญลูกเสือโลก หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ ๆ ขององค์การลูกเสือโลก จะต้องส่งร่างข้อญัตตินั้น ๆ ไปยังสำนักงานลูกเสือโลก ล่วงหน้าเป็นเวลา 4 เดือน นับจากวันที่เสนอร่างข้อญัตติไปยังสำนักงานลูกเสือโลก จนถึงวันที่เปิดการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก
- ในกรณีที่ประเทศสมาชิก ฯ ประสงค์จะเสนอข้อญัตติเพิ่มเติมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งยังไม่ได้บรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุม ฯ ก็สามารถทำได้โดยเสนอร่างข้อญัตติให้กับเลขานุการคณะกรรมการสรุปมติภายในเวลาไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ก่อนการเริ่มต้นของการประชุมใหญ่ ครั้งสุดท้าย
{alertInfo}ข้อบังคับในการออกเสียงลงคะแนน
1. ในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนได้ 6 เสียง และประเทศสมาชิก ฯ แต่ละประเทศ จะมีผู้แทน ฯ ได้ไม่เกิน 6 คน และในกรณีที่ประเทศสมาชิก ฯ เข้าประชุม ส่งผู้แทน ฯ เข้าประชุม ฯ เพียง 1 คน หรือน้อยกว่า 6 คน ก็มีสิทธิ์ออกเสียงหน้าลงคะแนน 6 เสียง เช่นเดียวกัน
2. ในกรณีที่ประเทศสมาชิก ฯ ไม่สามารถส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ประเทศสมาชิก ฯ นั้น สามารถมอบฉันทะให้ประเทศสมาชิก ฯ ประเทศใดประเทศหนึ่งช่วยออกเสียงแทนได้ และประเทศสมาชิก ฯ ที่ได้รับมอบฉันทะให้ออกเสียงแทนนั้น จะรับมอบฉันทะการออกเสียงจากประเทศใดเกินกว่าหนึ่งประเทศสมาชิก ฯ ไม่ได้
3. การแต่งตั้งผู้นับคะแนนที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลกจะแต่งตั้งผู้นับคะแนน 3 คน ให้ทำหน้าที่นับคะแนนเสียงในที่ประชุม
4. ในกรณีที่มีการออกเสียงโดยใช้บัตรออกเสียง ให้ผู้ที่ออกเสียงในบัตร ส่งบัตรคืนไปให้ผู้นับคะแนน
5. ประเทศสมาชิกใดก็ตาม ที่ไม่ประสงค์จะออกเสียงลงคะแนน ก็ต้องส่งบัตรคืนพร้อมกับบันทึกในบัตรว่า “ ABSTAIN ” หมายถึง “ งดออกเสียง ”
6. ในกรณีที่มีการออกเสียงโดยการชูแผ่นป้าย “ เห็นชอบ ” หรือ “ ไม่เห็นชอบ ” ถ้าเป็นที่ประจักษ์ด้วยสายตาว่าข้างใดข้างหนึ่งมีเสียงข้างมากอย่างเห็นได้ชัด ประธาน ฯ ในที่ประชุม ฯ อาจไม่จำเป็นให้นับคะแนนอย่างเป็นทางการก็ได้ ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสนอข้อญัตติด้วย
7. ในกรณีที่ข้อญัตติใด ๆ ได้รับเสียงสนับสนุน และมีเสียงค้านจำนวนเท่ากัน ประธานในที่ประชุม ฯ ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงชี้ขาด และให้ถือว่าข้อญัตตินั้นตกไปโดยไม่มีการพิจารณา
8. การตัดสินในกรณีต่อไปนี้ว่า ข้อญัตตินั้นจะผ่านการเห็นชอบหรือไม่ จะต้องได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด คือ
- เรื่องการรับเข้าเป็นสมาชิกใหม่
- เรื่องการขับไล่ออกจากการเป็นสมาชิก ฯ
- เรื่องค่าบำรุงลูกเสือโลก ประจำปี
- เรื่องการแก้ไขธรรมนูญลูกเสือโลก
9. ภาษาที่ใช้เป็นทางการในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ทุกรายการของการประชุม ฯ คือ ภาษาอังกฤษ กับ ภาษาฝรั่งเศส
สำหรับที่ประชุมใหญ่ทุกครั้ง เพิ่มภาษาสเปน และภาษาอาหรับ ด้วย
10. ผู้ที่จะขึ้นพูดแสดงความคิดเห็น หรือตั้งกระทู้ถามในที่ประชุม ฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุม ฯ ก่อน และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จะต้องบอกชื่อตัวและชื่อองค์การลูกเสือของประเทศนั้น ๆ ด้วย
{alertInfo}ที่มาครูสมชายคัดมาจาก: {getButton} $text={แหล่งที่มาข้อมูล} $icon={preview} $color={blue}{fullWidth}